แม้ว่าตอนนี้โลกของเราจะมีเรื่องของโรคระบาดอยู่ ทำให้การท่องเที่ยวซบเซาลงไปบ้างเล็กน้อย แต่ในต่างประเทศการคุ้มกันของเค้าค่อนข้างเข้มงวดมากทีเดียว ทำให้ยังพอมีช่องทางการเดินทางไปเที่ยวด้วยเหมือนกัน หรือถ้าใครยังไม่ไปตอนนี้ก็มาฟังเรารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกันไปก่อนพร้อมเก็บเงินไปในตัว พอโรคระบาดจางลงก็ไปเที่ยวกันเลย แน่นอนว่าวันนี้เราจะพาไปเที่ยวฝั่งยุโรปกับสุดยอดแลนด์มาร์คระดับโลกอย่าง หอไอเฟล ที่เราอยากจะให้ไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้งหนึ่ง
เรื่องราวของ หอไอเฟล
สำหรับหอไอเฟลนั้น ปัจจุบันใครอาจจะมองว่านี่คือสถาปัตยกรรมที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ แต่หากไปดูประวัติจะเห็นว่า หอไอเฟลแห่งนี้เคยเป็นหอที่ถูกคนทั้งเมืองรุมยี้ ไม่อยากได้จนถึงขั้นลงชื่อเพื่อขอรื้อถอนด้วยซ้ำไป เรื่องราวของหอไอเฟลนี้ต้องพูดถึงชายที่ชื่อว่า กุสตาฟ ไอเฟล ชายเป็นสถาปนิคคนออกแบบและเป็นที่มาของชื่อหอคอยนี้ด้วย เค้าได้รับมอบหมายให้สร้างสัญลักษณ์อะไรสักอย่างเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่จะสะท้อนความยิ่งใหญ่ ร่ำรวย และความสำเร็จของประเทศในขณะนั้น จะได้ออกมาเป็นหอไอเฟล ซึ่งช่วงแรกมีเสียงคัดค้านอย่างมากเนื่องจากประชาชนมองว่ามันไม่สวยเอาเสียเลย และคิดว่าจะรื้อออกหลังจากเทศกาลเฉลิมฉลองดังกล่าวเสร็จสิ้นลง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รื้อถอนออกไปตั้งตระหง่านจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีส และประเทศฝรั่งเศสมาจนถึงปัจจุบัน
การท่องเที่ยวหอไอเฟล
สำหรับการไปเที่ยวหอไอเฟลนั้น เราขอให้โฟกัสที่ตัวหอไอเฟลก่อน บริเวณรอบข้างค่อยว่ากันทีหลัง สำหรับตัวหอไอเฟลนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน หนึ่งเป็นส่วนฐาน ตรงนี้จะเป็นส่วนสำหรับนักท่องเที่ยว มีซุ้มขายของที่ระลึก และ นิทรรศการรอบพื้นที่ โดยนิทรรศการจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหอไอเฟล และเรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พอเดินชมตรงนี้เสร็จแล้วก็ขึ้นบันไดไปชมส่วนกลางต่อได้เลย ส่วนนี้จะเป็นคล้ายกับลานเหมือนกับหอสูงทั่วไป เราจะได้ชื่นชมความสวยงามของเมืองจากมุมสูงได้ชัดเจน ถ่ายรูปสวย เดินได้ทั่วทีเดียว แต่หากจะต้องขึ้นไปส่วนที่สามคือส่วนยอดจะต้องเดินทางด้วยการขึ้นลิฟต์เท่านั้น และการจะขึ้นไปได้ต้องจองตั๋วเสียก่อน แนะนำว่าควรจองผ่านระบบออนไลน์เพื่อความชัวร์เรื่องตั๋ว และราคาที่ถูกกว่า จองหน้างานเยอะมาก ยิ่งเราขึ้นไปสูงเท่าไร ราคาค่าตั๋วก็จะยิ่งแพงขึ้น
เรื่องค่าตั๋วต้องบอกก่อนว่า หากเราเดินชมบริเวณส่วนล่างสุด ไม่เสียค่าเข้าชม แต่หากจะเดินทางขึ้นไปชมส่วนกลาง และส่วนยอดจะเสียค่าเข้าชมด้วย มีการแบ่งเรตราคาไว้ค่อนข้างชัดเจนตามอายุ อย่างเช่น อายุ 12-24 ปี ขึ้นไปชมชั้นสองราคา 3.5 ยูโร (ขึ้นบันได) แต่ถ้าขึ้นลิฟต์ จะราคา 7 ยูโร และหากขึ้นไปส่วนยอดจะราคา 13 ยูโร ส่วนการเข้าชมจะเปิดให้บริการทุกวันตลอดทั้งปี เวลาเปิดปิดจะเป็น เก้าโมงเช้าถึงห้าทุ่ม หรือ เที่ยงคืนในบางเทศกาล
จุดถ่ายรูป
สำหรับจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายกันมาก ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม นั่นก็คือ ลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot ตรงนี้จะทำให้เราได้โพสต์ท่าแบบมีหอไอเฟลอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวัน หรือ ตอนกลางคืน ก็สวยไม่แพ้กัน แต่เราแนะนำว่าหากได้ไปจริง ควรจะไปถ่ายทั้งกลางวันและกลางคืนเลย รับรองว่าดี อย่างไรก็ตามหากไปตอนกลางคืนอย่าไปคนเดียวล่ะ เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินและสวัสดิภาพของตัวเอง